อยากจะเลี้ยงจังเลย

อยากจะเลี้ยงจังเลย

กระต่ายน่ารัก

กระต่ายน่ารัก

น่ารักไหมครับ

น่ารักไหมครับ

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

กระต่ายออกลูก

สำหรับคุณแม่มือใหม่ ที่จู่ๆ น้องกระต่ายที่ดูเหมือนอ้วนก็ออกลูกตัวแดงๆ ออกมา จะทำยังไงดี คนที่แม่กระต่ายใกล้จะออกลูกก็ควรศึกษาไว้นะคะ ถึงเวลาจะได้พร้อมค่ะ

อย่าเพิ่งตกใจค่ะ ที่นี่มีคำตอบ ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆทำตามเป็นข้อๆ นะคะ

1. แยกตัวผู้
ถ้ายังไม่ได้แยกตัวผู้ออก รีบแยกออกก่อนตัวเมียจะคลอดลูก แต่ของใครออกลูกมาแล้วโดยที่ยังไม่ได้แยกตัวผู้ ก็อย่าปล่อยเลยตามเลยนะคะ รีบแยกตัวผู้ออกซะดีๆ

2. เตรียมรังคลอด
. ในกรงกระต่ายมีรังคลอดหรือยังคะ ที่จริงควรใส่ไว้ในตั้งแต่แม่กระต่ายยังไม่ออกลูก ค่ะ ถ้ายังไม่ได้เตรียมไว้ ก็ควรจะรีบไปหามาค่ะ แม่กระต่ายบางตัวจะเข้าไปออกในรังที่เราเตรียมไว้ให้ หลังจากแม่กระต่ายออกลูกแล้ว เค้าจะเลียทำความสะอาดลูก ซึ่งหลังจากแม่กระต่ายทำความสะอาดลูกแล้ว เราก็สามารถเข้าไปตรวจดูได้ค่ะ ว่ามีลูกกระต่ายตายบ้างหรือไม่ ถ้าพบว่าตายก็ควรจะเก็บออกค่ะ เพราะว่าถ้าปล่อยไว้ อาจจะทำให้ฝูงมดมาค่ะ ทีนี้ลูกกระต่ายตัวอื่นๆจะโดนมดกัดตายตามไปด้วย

แต่ถ้าแม่กระต่ายไม่ยอมออกในลูกรังคลอดที่เราเตรียมไว้ให้ เราก็สามารถจะจับลูกกระต่าย ไปไว้ในรังคลอดได้ค่ะ การปล่อยลูกกระต่ายไว้นอกรังคลอดไม่ดีหรอกค่ะ เพราะว่า ขาลูกกระต่าย หรือตัวลูกกระต่าย อาจจะตกลงไประหว่างซี่กรง และโดนแม่เหยียบตายได้

ซึ่งกระต่ายไม่มีปัญหาเรื่องการผิดกลิ่นหรอกค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ เราสามารถจะจับลูกกระต่ายได้ค่ะ แต่หากใครกลัวมากๆ จะเอามือไปถูๆที่ขนแม่กระต่ายก่อนค่อยมาจับลูกกระต่ายเพื่อความสบายใจ ก็ไม่ผิดกติกาค่ะ

3. จัดกรงให้ปลอดภัยแก่ลูกกระต่าย
ในกรณีที่แม่กระต่ายไม่ยอมทึ้งขน แล้วอากาศค่อนข้างเย็นเนี่ย เราอาจจะช่วยลูกกระต่ายให้มีที่นอนนุ่มๆอุ่นๆได้ค่ะ โดยไปหาสำลีแบบก้อนๆค่ะ ที่ขายตามโลตัสเป็นก้อนใหญ่ๆ เอามาปูในกรงก็ได้ค่ะ ลูกกระต่ายจะซุกตัวเข้าไปนอนเหมือนกับเป็นขนของแม่ค่ะ (กรณีที่ลูกกระต่ายที่แม่ไม่เลี้ยง ก็เอาสำลีมาปูได้ ไม่ผิดกติกาค่ะ)

นอกจากนี้ ตามพื้นกรงที่เป็นซี่ๆ ลูกกระต่ายอาจจะตกลงไประหว่างซี่ หรือ ขาติดระหว่างซี่กรง แล้วโดนเหยียบได้ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถจะป้องกันได้ โดยการปูพื้นกรงด้วยหญ้าแห้งค่ะ อาจจะเป็น หญ้าขนแห้งๆ หรือหญ้าแห้ง Timothy ที่ขายเป็นถุงๆก็ได้ค่ะ เพื่อปิดซี่ห่างของพื้นกรง ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความปลอดภัย แม่กระต่ายยังสามารถจะใช้รองนอน ลูกกระต่ายก็ได้รับความอบอุ่น และแม่กระต่ายยังสามารถจะแทะหญ้าแห้งเหล่านี้กินได้อีกด้วย

4. แม่กระต่ายเลี้ยงลูกหรือเปล่า
หากแม่กระต่ายดูเหมือนไม่ยอมเลี้ยงลูก ไม่ต้องตกใจกลัวนะคะ เจ้าของส่วนใหญ่มักจะกังวลเมื่อเห็นว่า แม่กระต่ายไม่ยอมไปนอนกกลูก แถมบางทีก็ไม่เห็นว่าเลี้ยงนมลูกอีกต่างหาก ก็เลยกลัวกันว่าแม่กระต่ายไม่เลี้ยง แต่จริงๆแล้ว อาจจะไม่ใช่อย่างที่เพื่อนๆ เข้าใจนะคะ เพราะว่า แม่กระต่ายไม่ใช่แม่ไก่ค่ะ เค้าไม่กกลูกทั้งวันหรอกค่ะ แต่ว่าเค้าจะให้นมลูกแค่วันละ ไม่เกิน 2 ครั้งค่ะ คือตอนเช้าตรู่ ครั้งและตอนกลางคืนอีกครั้งค่ะ

ส่วนเวลาที่เหลือเค้าจะแยกไปดูลูกอยู่ห่างๆค่ะ ทั้งนี้ก็เพราะตามธรรมชาติแล้วกระต่ายจะไปออกลูกในโพรง การที่แม่กระต่ายอยุ่กับลูกที่โพรงตลอดเวลานั้น จะทำให้เป็นเป้าสนใจแก่ผู้ล่าค่ะ อย่าลืมว่าหากมีศัตรูมาโจมตี กระต่ายไม่มีทางสู้ได้เลยนอกจากการหนีให้เร็วที่สุด แต่ว่าลูกกระต่ายแรกเกิดนั้น ตายังไม่ลืม หูไม่ได้ยิน มองไม่เห็น เดินไม่ได้ ป้องกันตัวเองไม่ได้เลย แม่กระต่ายส่วนใหญ่จึงมักจะต้องอยู่ห่างๆลูกไว้ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าของศัตรูนั่นเอง

วิธีดูว่าลูกกระต่ายได้รับนมจากแม่หรือไม่
วิธีดูง่ายๆคือลูกกระต่ายที่ได้กินนมแม่เนี่ย ตรงท้องบางๆของเค้าจะเต่งกลมค่ะ และมองดีๆจะเห็นนมสีขาวๆ อยู่ใต้ผิวบางๆ

ส่วนลูกกระต่ายที่แม่ไม่ยอมเลี้ยง เราจะเห็นว่าตัวเค้าเหี่ยวๆค่ะ ท้องไม่เต่งเต็มเหมือนตอนคลอดออกมา

4. หาแม่บุญธรรมถ้าแม่กระต่ายไม่เลี้ยง
ถ้าแม่กระต่ายไม่เลี้ยงเนี่ย เราจำเป็นจะต้องหาแม่บุญธรรมค่ะ ลูกกระต่ายเลี้ยงมือไม่ค่อยรอดนะคะ เราเคยเลี้ยงมือ มีอยู่ตัวหนึ่ง แม้จะรอดแต่ก็ตายไม่นานหลังอายุหย่านม หลายๆคนก็เคยเจอแบบเดียวกันค่ะ
ทางที่ดีที่สุดคือ หาแม่บุญธรรมค่ะ เป็นแม่กระต่ายที่คลอดลูกไล่เลี่ยกัน ลองประกาศหาตามบอร์ดต่างๆ อาจจะมีคนช่วยเหลือได้ รวมทั้งถามจากฟาร์มที่ซื้อมาค่ะ เผื่อเค้าจะมีแม่กระต่ายลูกอ่อน

5. อย่าลืมน้ำและอาหารของแม่กระต่าย
อย่าลืมเรื่องน้ำและอาหารของแม่กระต่ายด้วยนะคะ ดูแลเค้าให้เค้ามีน้ำและอาหารอย่าให้ขาดค่ะ :)

ของเล่นของกระต่าย

กระต่ายของเพื่อนๆ มีของเล่นหรือยัง ใครๆก็อยากจะให้น้องต่ายของตัวเองมีความสุขกันทั้งนั้นแหละ แต่พอถามถึงของเล่นของกระต่าย ส่วนใหญ่จะอึ้งๆๆๆๆๆ และก็ถามกลับมาว่า “กระต่ายมีของเล่นด้วยเหรอ ไม่ใช่แฮมสเตอร์นะจะได้ปั่นวงล้อ”


ที่จริงแล้ว กระต่ายเอง ก็มีของเล่นได้นะคะ การเลือกของเล่น เลือกแบบที่ไม่มีสีดีกว่า หรือหากมีสีก็ควรจะเป็นสีผสมอาหารนะคะ ประเภทไม้ที่ชุบสีทาบ้านเนี่ย ไม่ดีค่ะ เป็นอันตรายกับกระต่าย

วันนี้มีของเล่นของกระต่ายมาฝากค่ะ เผื่อใครสนใจ

• แกนทิชชู่ค่ะ
ใส่เอาไว้ในกรงก็ได้ค่ะ กระต่ายจะแทะเล่นหรือไม่ก็เอามาเหวี่ยงเล่นอีกด้วย

• กล่องกระดาษค่ะเอาแบบแข็งๆ
แข็งแรงๆนะคะ เอามาเจาะเป็นรูประตูเข้าออก ค่ะ ใช้เป็นที่หลบได้ กระต่ายจะมุดเข้าไปสำรวจ และอาจจะแทะเล่นอีกด้วย ที่อยากให้หาเป็นกล่องแข็งๆ เพราะว่า บางทีกระต่ายจะปีนขึ้นไปบนหลังกล่องค่ะ กลัวว่าจะคว่ำลงมา ใครมีไอเดียเจ็งๆ ฝีมือดีๆ จะตกแต่งบ้านกระดาษให้สวยถูกใจน้องกระต่ายก็ทำได้ค่ะ



• นอกจากนี้อาจจะดัดแปลงกล่องเป็นกล่องสมบัติค่ะ ในกล่องกระดาษนั้นใส่หญ้าลงไป กระต่ายจะขุดคุ้ยเล่นค่ะ และแทะกินหญ้าในกล่องไปในตัว

• ถุงกระดาษแบบไม่มีลาย ไว้ให้มุดเล่น ขุดเล่น และไว้ให้แทะเล่น


• ไม้ลับฟัน ไว้ให้กระต่ายลับฟันเล่น ป้องกันฟันยาวได้อีกด้วย



• พวกผ้าขนหนูเก่าๆ
ก็มีประโยชน์ค่ะ เอาไว้ให้มุดเล่น หรือ ดึงเล่น แต่อย่าทิ้งไว้ในกรงนะคะ เพราะว่ากระต่ายอาจจแทะเอาผ้าเข้าไป และย่อยไม่ได้ เป็นต้น

• พวกตะกร้าสานที่ไม่ใช้แล้ว
ใส่ไว้ในกรงก็ได้ค่ะ ให้กระต่ายแทะเล่น

• พวกของเล่นสุนัขค่ะ
กระต่ายบางตัวชอบเอามาเล่น โดยเอาปากงัดโยนไปมา แต่อย่าเลือกแบบที่กระต่ายเคี้ยวได้ หรือเล็กจนติดคอได้นะคะ

• แล้วก็พวกของเล่นกลมๆ
ที่กลิ้งได้ มีเสียงกรุ๊งกริ๊งๆ แบบนี้ กระต่ายบางตัวชอบนะ จะบอกให้



• กะบะอาหารสแตนเลส
ว่างๆ ลองใส่ไว้ในกรงดูนะคะ กระต่ายบางตัวชอบเอาปากงับเหวี่ยงเล่นค่ะ

• บ้านบันไดโพรงค่ะ
สำหรับการแทะเล่น และ การกระโดดขึ้นลง ออกกำลังกาย กระต่ายชอบปีนขึ้นไปนอนที่สูงๆด้วยนะคะ เพราะว่าจะทำให้เห็นวิวชัดขึ้น เค้าจะปีนขึ้นไปนอนบนบ้านบันไดโพรงค่ะ นอกจากนี้ยังใช้บ้านบันไดโพรงเป็นที่ลับฟันอีกด้วย (กระต่ายชอบมาก อันนี้แนะนำเลยค่ะ อยากให้มีไว้ในกรง)

• ขอนไม้
ใส่ขอนไม้ไว้ในกรงด้วยก็ได้ค่ะ กระต่ายจะฝึกวิชาตัวเบากระโดดข้ามเล่นไปมา และ แทะเล่น นอกจากนี้ขอนไม้ยังให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติแก่กระต่ายอีกด้วย อ้อ อย่าใช้ไม่ที่มีเสี้ยนหรือยางนะคะ

• กระดาษขาวไม่มีลาย
เหมาะแก่การให้กระต่ายฉีกเล่นค่ะ หรือใช้ในการลับเล็บ ในการขุดเป็นต้น พยายามเลี่ยงกระดาษหนังสือพิมพ์ค่ะ เพราะว่ามีหมึกพิมพ์ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพกระต่าย

• หญ้าแห้งค่ะ
หรือหญ้าธรรมดาก็ได้ค่ะ เอามามัดเข้าด้วยกันเป็นฟ่อนหญ้า กระต่ายจะสนุกกับการดึกหญ้าออกมาจากฟ่อน และเคี้ยวกินหญ้าค่ะ

• ฝาอย่างฝาขวดที่เป็นพลาสติก
น่ะค่ะ กระต่ายบางตัวก็ชอบคาบแล้วเหวี่ยงเล่นเหมือนกัน เอาฝาใหญ่ๆหน่อยนะคะ เอาแบบงับเล่นได้ แต่กินไม่ได้ ป้องกันไม่ให้ติดคอน้องกระต่าย

การตัดเล็บกระต่าย

การตัดเล็บเท้ากระต่าย

การตัดเล็บเท้าของกระต่ายถือเป็นส่วนหนึ่งในการ Grooming ค่ะ

กระต่ายจะมีนิ้วเท้า 5 นิ้ว ที่เท้าหน้าแต่ละข้าง และมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 4 นิ้ว เล็บเท่ากระต่ายจะงอกยาวออกมาเรื่อยๆ เหมือนกับเล็บมือคน ขนาดคนยังต้องตัดเล็บกระต่ายเองก็เหมือนกัน ต้องตัดเป็นระยะๆ เราควรตัดเล็บกระต่ายอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

ทำไมต้องตัดเล็บกระต่าย

การตัดเล็บกระต่ายเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะว่า กระต่ายจะได้ไม่เอาเล็บเท้าข่วนตัวเองตอนที่เกา ไม่ข่วนถูกคนเลี้ยงในขณะที่อุ้มกระต่าย ไม่ขูดถูกเพื่อนกระต่ายด้วยกัน และนอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้เล็บกระต่ายไปเกี่ยวกับซี่กรง และเกิดการฉีกขาดบาดเจ็บค่ะ

หากเราหมั่นอุ้มกระต่ายแบบเบามือ เล่นกับกระต่ายบ่อยๆ จะทำให้กระต่ายคุ้นเคยกับการตัดเล็บได้ง่ายยิ่งขึ้น

การตัดเล็บกระต่ายที่ง่ายสุดก็โดยการอุ้มกระต่ายหงายท้องแบบเด็กๆ แล้วค่อยๆ ตัดเล็บเท้าเบาๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ กรต่ายของเพื่อนๆ ด้วยค่ะ ว่าจะยินยอมท่าไหน หากเพื่อนๆ ยังมือใหม่อยู่ อาจจะหาคนมาช่วยจับด้วยก็ได้ค่ะ

อย่าตัดเข้าเนื้อนะคะ เลือดจะออก และกระต่ายจะเจ็บ หลังจากนั้นกระต่ายจะกลัวการตัดเล็บค่ะ ต้องระวังให้มากๆ (ลองนึกถึงตอนที่เราตัดเล็บเข้าเนื้อแล้วเลือดไหล กระต่ายก็จะเจ็บเหมือนเราค่ะ)

ที่ตัดเล็บกระต่าย

ก็สามารถจะซื้อได้จาก Pet Shop ทั่วไปค่ะ หาซื้อเป็นที่ตัดเล็บสำหรับสุนัขและแมวค่ะ ใช้ได้

วิธีการตัดเล็บ

จะตัดแค่ไหนดี ?

ให้ค่อยๆ เอามือลูบขนของกระต่ายขึ้นไปจากเล็บ หากตรงปลายเล็บมีขนบัง เพื่อให้เห็นได้ชัดยิ่งขึ้นว่า ควรตัดตรงตำแหน่งไหน เพราะว่า กระต่ายบางทีแล้วขนของกระต่ายจะมาปกคลุมตรงเล็บเท้า ทำให้เห็นยาก


พยายามมองหาเส้นที่แบ่งระหว่างสีขาวและสีชมพูของเล็บ (มองเทียบกับนิ้วมือของตัวเราเอง ตอนตัดเล็บมือ ก็ได้ค่ะ เทียบของคนประกอบนะคะ จะเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ) เราต้องตัดต่ำกว่า เส้นสีชมพูนี้ลงมาหน่อย (อย่าตัดติดเส้นสีชมพูนะคะ ให้ห่างออกมานิดนึง ไม่งั้นจะติดเนื้อเล็บเกินไป และเจ็บได้)

ซึ่งส่วนสีขาวเป็นส่วนของเล็บที่ได้ตัดแล้วไม่เจ็บ อย่าไปตัดโดนส่วนที่เป็นเส้นสีชมพูนี้ เพราะว่า จะเป็นการตัดเข้าเนื้อ ซึ่งมีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงอยู่ ทำให้เลือดไหล และกระต่ายจะเจ็บ

กระต่ายเล็บดำ จะดูยากหน่อย อาจจะต้องใช้การส่องไฟช่วยค่ะ
ทีนี้มาดูวิธีการตัดจริงๆ

ตัดตามที่บอกไว้ค่ะ หากพลาดไปตัดลึกไป เลยเข้าไปถึงส่วนที่เป็นสีชมพูของเล็บ แล้วเลือดไหล อย่าตกใจค่ะ หากใครเคยตัดเล็บตัวเองพลาดแล้วเลือดไหล จะจำได้ว่าไม่นานเลือดจะหยุดไหลเองค่ะ ไม่จำเป็นต้องใส่ยาอะไร กระต่ายก็เหมือนกันค่ะ ให้เราหยุดตัดแล้วปล่อยกระต่ายเข้ากรง เพื่อให้กระต่ายได้พัก และจะได้เครียดลดลง

แต่หากเราตัดพลาดไปมากๆ แล้วหลังจากทิ้งไว้ซักครู่ เลือดไม่หยุดไหลจริงๆ ก็ให้เราไปซื้อผงห้ามเลือดมาค่ะ จะช่วยให้เลือดหยุดไหลได้


เล็บเท้าของลูกกระต่ายจะเปราะและคมกว่ากระต่ายโต ดังนั้นควรจะตัดเหมือนกัน และตัดอย่างระมัดระวังค่ะ

เดาอายุกระต่าย

วิธีการดูอายุของกระต่ายแบบคร่าวๆ

เนื่องจากปัญหาส่วนใหญ่ที่เรามักจะพบกันบ่อยก็คือ ผู้ขายกระต่ายบางส่วน ได้เอากระต่ายที่ยังไม่หย่านม คือมีอายุไม่เกิน 2 เดือนมาขาย โดยเอามาหลอกขายว่าเป็นกระต่ายแคระ บางตัวอายุเพียงแค่ 3 สัปดาห์ด้วยซ้ำ ดังนั้น เราจึงควรจะเรียนรู้วิธีการเลือกซื้อลูกกระต่าย เพื่อจะได้ ไม่โดนหลอกกันอีก

อย่าซื้อเลยค่ะ ลูกกระต่ายที่ยังไม่หย่านมโอกาสรอดน้อยค่ะ เพราะนั่นคือ เรากำลังฆ่าลูกกระต่ายเหล่านั้นทางอ้อม ปล่อยให้เค้าอยู่กับแม่ของเค้า จนถึงเวลาที่เหมาะสมดีกว่าค่ะ แล้วเราจะได้ลูกกระต่ายที่แข็งแรง สุขภาพและสุขภาพจิตดี อีกด้วย

อีกอย่างนะ ลูกกระต่ายน่ะดูน่ารักก็จริง แต่อายุขนาดนั้น ฟอร์มยังไม่ออกหรอกค่ะ เลือกซื้อหลังจากอายุ 2-3 เดือนไป ยิ่งดี เพราะว่า เราจะเห็นลักษณะเค้าชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าสวยจริงหรือไม่


ลูกกระต่ายหย่านมแล้วหรือหรือไม่

กระต่ายที่อายุน้อยเกินไป ลักษณะจะเป็นดังนี้
ขนจะอ่อน เป็นขนที่ยังไม่ผลัด
ส่วนขาโดยเฉพาะขาหลังจะยังยืดไม่เต็มที่
นิ้วจะยังไม่ค่อยออก นิ้วจะสั้นๆ
หูจะสั้นๆ และแข็ง เมื่อลองสัมผัสเทียบกับกระต่ายโต พันธุ์เดียวกัน
ส่วนใหญ่แล้ว ลักษณะจะนอนทั้งวัน จะเดินไม่คล่อง ยังต้วมเตี้ยม ขี้ตกใจ
ฟัน จะเห็นว่าฟันบางตัวจะยังขึ้นไม่สมบูรณ์ยังเป็นเพียงจุดขาวๆ ยื่นออกมาสั้นๆก็มี

ส่วนกระต่ายอายุมากเกินไป
กระต่ายมีอายุที่เหมาะสมในการผสมเช่นกัน ในบางรายอาจจะเอากระต่ายที่โตแล้ว และเพาะลูกมาระยะหนึ่ง จนใกล้จะหมดเวลาที่เหมาะสม อาจจะมีการคัดกระต่ายทิ้งไป เพื่อหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ใหม่มาแทน แล้วเอากระต่ายแก่มาหลอกขาย เป็นต้น วิธีป้องกัน ในการไม่ไปซื้อกระต่ายอายุมากเกินไปก็คือ

การตรวจดูที่ฟันของกระต่าย ฟันกระต่ายหนุ่มสาวจะมีสีขาวเหมือนไข่มุก แต่ถ้ากระต่ายอายุมาก ยิ่งมากฟันจะยิ่งเหลือง
ส่วนไขมันใต้คาง กระต่ายยิ่งอายุมาก ไขมันใต้คางจะยิ่งหนา
ดูจากเล็บกระต่าย ยิ่งเล็บยาวม้วนมาก อายุจะยิ่งมาก แต่ถ้าหากว่า โดนตัดเล็บไป เราอาจจะตรวจดูจากฐานเล็บ หากความกว้างของฐานเล็บยิ่งมาก กระต่ายจะยิ่งมีอายุมากค่ะ

ผักผลไม้ที่กินได้

วันนี้ จะมีรายการ ผัก และ ผลไม้ ที่ปลอดภัย สำหรับกระต่าย มาฝากค่ะ

ผักผลไม้ ยังไม่ควรให้ในลูกกระต่ายที่ยังเด็กมากๆ เพราะว่า อาจจะปรับตัวไม่ทัน และทำให้ท้องเสียได้ หากลูกกระต่ายหย่านมแล้ว ควรให้หญ้าไปก่อน หลังจาก อีกซัก 2 เดือนหลังหย่านม จึงค่อยหัดให้กินผัก ผลไม้ได้ แต่ไม่ควรให้เยอะ ต้องค่อยๆให้ทีละนิดให้กระต่ายปรับตัวค่ะ

และควรเลี่ยงผักผลไม้ที่มีน้ำมากๆค่ะ
1.ผลไม้

สามารถจะให้ได้ แต่ไม่ควรให้มากเกินไป เพราะผลไม้ส่วนใหญ่จะมีน้ำตาลสูง ซึ่งหากกินมากเกินไป ก็จะไม่ดีต่อระบบย่อยอาหารของกระต่าย หากเทียบกับผักใบเขียวทั้งหลาย แล้ว ผักจะเหมาะกว่า เพราะว่า มีกากใยอาหาร หรือที่เรียกว่า ไฟเบอร์สูง และน้ำตาลต่ำอีกด้วย
แอปเปิล กล้วย(ไม่มีเปลือก) ชมพู่ ลิ้นจี่ ฝรั่ง
สาลี่ แครนเบอรี่ ราสเบอรี่ บลูเบอรี่ สตรอเบอรี่

เชอรี่ มะละกอ(เม็ดออก)
แคนตาลูป องุ่น(เม็ดออก) ส้ม(ไม่เปรี้ยว)
ลูกแพร์ ลูกพีช พลัม

2.ผักต่างๆ

ผักมีกากใยอาหาร หรือที่เรียกว่า ไฟเบอร์สูง และน้ำตาลต่ำอีก
หน่อไม้ฝรั่ง คะน้า บล็อคเคอรี่ ใบบัวบก คะน้าฮ่องกง

ผักกาดขาว ผักกาด หางหงษ์ ผักกาดหอม parsley สะระแหน่

Arugula Spinash (อย่าบ่อย) ผักชีฝรั่ง

ผักผลไม้ที่ไม่ควรให้บ่อย หรือควรหลีกเลี่ยง

บร็อคโครี่ โหระพา แมงลัก ให้ได้แต่อย่างบ่อย เพราะมีแคลเซี่ยมสูง หากกินน้ำน้อยด้วยจะเสี่ยงแก่การเป็นนิ่ว
แตงโม ให้ได้แต่ไม่ควรให้บ่อย เพราะว่า จะทำให้ท้องเสียได้
ผักกาดแก้ว ควรเลี่ยงเพราะอาจจะทำให้ท้องเสีย
ควรเลี่ยง เพราะน้ำมาก อาจจะทำให้ท้องเสีย
เงาะ เพราะว่า มียาง
ทุเรียน เพราะ ให้พลังงานสูงเกินไป
ขนุน เพราะมียางและหวานมาก
อาโวคาโด เพราะ ให้พลังงานสูงเกินไป
กระหล่ำปลี ห้ามให้กิน เพราะจะทำให้เกิดแกส ในระบบทางเดินอาหาร
แตงกวา แตงร้าน เพราะว่ามียาง และมียาฆ่าแมลงที่เปลือกมาก
มะนาว และ ผลไม้รสเปรี้ยว
มันฝรั่งดิบ
ผักบุ้งไทย เพราะมียางมาก

หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ นะคะ

กระต่ายอ้วนไปรึป่าว

กระต่ายที่อยู่ตามธรรมชาติ

กระต่ายที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ จะต้องออกเดินทางหาอาหาร ต้องหลบหนีจากการถูกตามล่า โดยผู้ล่า เช่น หมาป่า เหยี่ยว และต้องต่อสู้กับอากาศที่หนาวเย็นหรือร้อนจัดตามธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ล้วนต้องอาศัยพลังงาน ดยต้องดึงเอาพลังงานจากอาหารที่กินเข้าไปเอาออกมาใช้ จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอ้วน แถมอาหารก็ยังไม่ใช่พวกแป้งเหมือนอาหารสำเร็จรูป แต่เป็นหญ้า และผักตามธรรมชาติ




แต่กระต่ายบ้าน หรือกระต่ายที่เราเอามาเลี้ยงเป็นเพื่อน ส่วนมากจะโดนขังในกรง บางตัวเจ้าของแทบไม่เคยปล่อยออกมาวิ่งเล่นออกกำลังกายนอกกรงเลย ทั้งๆที่กระต่ายควรจะได้รับอิสรภาพ ได้ออกกำลังกายวิ่งเล่นข้างนอกกรงบ้าง

และอาหารก็ยังไม่เคยต้องหาเอง มีเจ้าของหาอาหารมาให้ บางตัวก็ได้กินแต่อาหารเม็ด ส่วนพวกหญ้า หรือผักใบเขียวแทบจะไม่ได้แตะเลยก็มี ยังงี้จะไม่ให้อ้วนได้ยังไงเนอะ แถมบางตัวก็ยังจะโดยตอนหรือทำหมันเสียอีก ผลก็คือ เจ้ากระต่ายตัวน้อยก็เลยอ้วนปั๊ก

กระต่ายอ้วนไม่ใช่กระต่ายแข็งแรง

แต่กระต่ายอ้วนถึงจะดูน่ารักแต่ไม่ใช่ว่าจะดีนะคะ กระต่ายอ้วนก็เหมือนกับคนอ้วนๆ สุขภาพจะไม่แข็งแรงค่ะ ไม่เหมือนคนที่สุขภาพดีที่ออกกำลังกายอยู่เสมอ ผลที่ตามมาจากการที่กระต่ายอ้วนมากเกินไปก็คือ ทำให้มีปัญหาเรื่องหลอดเลือด และก็ยังมีผลกับพวกข้อต่อต่างๆที่ต้องรับน้ำหนักมากเกินความจำเป็น นอกจากนี้ กระต่ายทีอ้วนมากจนเกินไปจะทำความสะอาดตัวเองได้ไม่สะดวกด้วย การจะก้มไปยังบริเวณก้น เพื่อที่จะกินอึพวงองุ่นก็ทำได้ยาก ยิ่งทำให้กระต่ายไม่ได้รับสารอาหารที่ควรจะได้จากอึพวงองุ่นไปเสียอีก

ดูยังไงว่าอ้วนหรือผอมไป

กระต่ายไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น

รู้ได้งัยกว่ากระต่ายผอมไป
กระต่ายบางตัวที่เป็นกระต่ายขนยาวอาจจะดูยากหน่อย เพราะขนที่ยาวฟูจะหลอกตาให้ดูเหมือนอ้วน แต่ถ้าใครจับอาบน้ำจะเห็นว่าตัวนืดเดียว อันนี้ก็ควรต้องพยายามสังเกตกันหน่อยค่ะ แต่ถ้าเป็นกระต่ายขนสั้นจะสังเกตเห็นได้ง่ายกว่ากันเยอะเลย วิธีดูง่ายๆว่ากระต่ายผอมไปหรือเปล่าให้ใช้มือคลำดูค่ะ โดยลูบไปบริเวณสันหลัง ถ้าหากเราคลำเจอโครงกระดูกแปลว่าผอมไปเสียแล้วหละ


รู้ได้ยังไงว่าอ้วนไป

กระต่ายที่มีหัวกลม ตัวมักจะป้อมๆ กระต่ายที่อ้วนมักมีเหนียงที่คอมาก นอกจากนี้เราจะเห็นด้วยตาได้ว่า ช่วงไหล่ ขา ว่าใหญ่มีเนื้อมากไปหรือไม่

กระต่ายอ้วนเกินไปทำยังไง

ควรจะลดอาหารเม็ด และให้หญ้าจำพวก Timothy หญ้า hay หรือ หญ้าขนแทน โดยใส่ไว้ในกรงให้กระต่ายสามารถจะกินได้ทั้งวัน และอาจจะเสริมผักใบเขียวต่างๆ หรือ แครอท เพื่อให้กระต่ายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ถ้ากระต่ายทำท่าไม่ยอมกินเลย เราอาจจะให้ต้องใจแข็งค่ะ อย่าใจอ่อนเพราะกระต่ายจะเรียนรู้เองว่าไม่กินก็อด แล้วก็จะพยายามกินเองในที่สุด (แต่การเปลี่ยนอาหารให้เปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไปนะคะ ไม่ใช่เปลี่ยนที่เดียวหมด)

นอกจากนี้ก็ควรปล่อยให้กระต่ายได้ออกมาวิ่งเล่นออกกำลังกายนอกกรงบ้างค่ะ (แต่ระวัง สายไฟ ยาฆ่าแมลง พืชมีพิษ สุนัข แมว หรือผู้ล่าอื่นๆ

อึของกระต่าย

เรื่องของอึกระต่ายค่ะ

อย่าเพิ่งร้อง ยี้ นะคะ การเข้าใจเรื่องอึ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการเลี้ยงกระต่าย

ว่าแต่ว่าตอนนี้มีใครเข้าใจในเรื่องนี้มั่งเอ่ย มีใครตอบได้ไหม ว่าไอ้ก้อนดำๆ กับก้อนก้อนกลมๆ สีน้ำตาลแบบในรูปข้างล่างเนี่ย มันต่างกันยังไง



ล้อมวงกันเข้ามาเลยค่ะ จะเล่ารายละเอียดให้ฟัง

กระต่ายเป็นสัตว์กินพืช อย่างที่เรารู้กันอยู่ แต่กระบวนการในการย่อยอาหารไม่เหมือนคนนะ เพราะว่าอาหารของเค้าจะเป็นอาหารที่มีกากใยสูง และย่อยยาก เมื่อกระต่ายกินอาหารเข้าไป เค้าจะกัดเป็นชิ้นเล็กๆ และ กลืนลงไป ร่างกายเค้าจะมีกระบวนการในการผสมระหว่างน้ำและอาหาร และของผสมเนี่ยมันจะไหลลงไปในส่วนท้องของกระต่าย

ระหว่างนั้นพวกสารอาหารที่มีประโยชน์ต่างๆ ที่ดูดซึมได้ง่าย ก็จะโดนดูดซึมเข้าสู่ร่างกายกระต่าย ส่วนของเสียที่ไม่มีประโยชน์ใดๆอีกแล้ว จะโดนกรองทิ้งออกมาเป็นอึก้อนกลมๆ แข็งๆ สีน้ำตาลนั่นเอง

อึที่เป็นก้อนกลมสีน้ำตาลแข็ง แบบนี้เป็นอึที่เราจะเห็นได้ระหว่างวันค่ะ หากกระต่าย มีระบบย่อยอาหารที่ดี กระต่ายแข็งแรง อึนี้ควรจะเป็นก้อนแข็งค่ะ แต่หากเหลว หรือเป็นน้ำ เนี่ย แสดงว่า กระต่ายเริ่มมีอาการไม่ดีค่ะ เช่น ท้องเสีย ซึ่งจะต้องได้รับการรักษาโดยเร่งด่วนค่ะ เพราะว่า อาการท้องเสีย ถือว่าเป็นเรื่องรุนแรง และ อันตราย สำหรับกระต่ายค่ะ ทำให้น้องต่ายเสียชีวิตได้เร็วมาก
เรื่องของอึกระต่ายค่ะ

อย่าเพิ่งร้อง ยี้ นะคะ การเข้าใจเรื่องอึ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการเลี้ยงกระต่าย

ว่าแต่ว่าตอนนี้มีใครเข้าใจในเรื่องนี้มั่งเอ่ย มีใครตอบได้ไหม ว่าไอ้ก้อนดำๆ กับก้อนก้อนกลมๆ สีน้ำตาลแบบในรูปข้างล่างเนี่ย มันต่างกันยังไง



ล้อมวงกันเข้ามาเลยค่ะ จะเล่ารายละเอียดให้ฟัง

กระต่ายเป็นสัตว์กินพืช อย่างที่เรารู้กันอยู่ แต่กระบวนการในการย่อยอาหารไม่เหมือนคนนะ เพราะว่าอาหารของเค้าจะเป็นอาหารที่มีกากใยสูง และย่อยยาก เมื่อกระต่ายกินอาหารเข้าไป เค้าจะกัดเป็นชิ้นเล็กๆ และ กลืนลงไป ร่างกายเค้าจะมีกระบวนการในการผสมระหว่างน้ำและอาหาร และของผสมเนี่ยมันจะไหลลงไปในส่วนท้องของกระต่าย

ระหว่างนั้นพวกสารอาหารที่มีประโยชน์ต่างๆ ที่ดูดซึมได้ง่าย ก็จะโดนดูดซึมเข้าสู่ร่างกายกระต่าย ส่วนของเสียที่ไม่มีประโยชน์ใดๆอีกแล้ว จะโดนกรองทิ้งออกมาเป็นอึก้อนกลมๆ แข็งๆ สีน้ำตาลนั่นเอง

อึที่เป็นก้อนกลมสีน้ำตาลแข็ง แบบนี้เป็นอึที่เราจะเห็นได้ระหว่างวันค่ะ หากกระต่าย มีระบบย่อยอาหารที่ดี กระต่ายแข็งแรง อึนี้ควรจะเป็นก้อนแข็งค่ะ แต่หากเหลว หรือเป็นน้ำ เนี่ย แสดงว่า กระต่ายเริ่มมีอาการไม่ดีค่ะ เช่น ท้องเสีย ซึ่งจะต้องได้รับการรักษาโดยเร่งด่วนค่ะ เพราะว่า อาการท้องเสีย ถือว่าเป็นเรื่องรุนแรง และ อันตราย สำหรับกระต่ายค่ะ ทำให้น้องต่ายเสียชีวิตได้เร็วมาก



ยังไม่หมดค่ะ ของผสมที่เหลือ ที่ยังมีประโยชน์แต่ย่อยยาก จะไหลลงไปเพื่อย่อยต่อค่ะ และกระต่ายจะขับออกมาในตอนกลางคืนค่ะ เราเรียกว่า cecotropes หรือ cecal pellets ซึ่งจะมีลักษณะนิ่ม ชื้น และเงา และติดกันเป็นช่อคล้ายๆกับช่อองุ่นค่ะ



กระต่ายมักจะกิน cecotropes ในตอนกลางคืนค่ะ หลังจากที่อึออกมา คราวนี้อาหารที่ดูดซึมไม่ได้ในตอนแรกก็จะสามารถย่อยได้แบบเต็มที่และดูดซึมได้ค่ะ วิธีการเหล่านี้ทำให้กระต่ายได้รับสารอาหารอย่างสมบูรณ์แบบ และช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจ และตอบคำถามได้ว่า ทำไมเราจึงเจอกระต่ายในที่ๆ สัตว์หลายๆชนิดไม่สามารถจะอาศัยอยู่ได้

อื้อ น่าคิดเนาะ นี่เรามีเพื่อนที่มีวิธีการย่อยอาหารที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีเลยนะเนี่ย ดังนั้นอย่าไปรังเกียจเค้านะคะหากเห็นเค้ากำลังก้มหน้างุดๆ กินอึพวงองุ่นอยู่ เพราะว่านี่คือวิวัฒนาการเพื่อการอยู่รอดตามธรรมชาติค่ะ อึพวงองุ่นสีดำๆ เนี่ยไม่เหมือนอึน๊ะ เพราะเป็นสิ่งมีประโยชน์ เป็นเหมือนเป็นยาแคปซูลตามธรรมชาติที่กระต่ายผลิตได้เอง ยังไงยังงั้นเลย

ส่วนไอ้ที่เป็นอึจริงๆ คือก้อนสีน้ำตาลกลมแข็งๆแห้งๆ นั่นต่างหาก อันนี้กระต่ายไม่กินค่ะ